ก่อนนรกซอมบี้คลั่ง มาเจอกันบ่อยๆในทุกๆเช้าตรู่กับการชี้แนะหนังน่าดูทุกวันที่ TrueID และก็ TrueID+ นานัปการอรรถรสความเบิกบานใจไร้ขีดจำกัดกับ “Movie of the Day” มาถึงอีกหนึ่งหนังจากจักรวาลซอมบี้ประเทศเกาหลีที่มาเสริมรวมทั้งเติมเต็มเรื่องราวให้แน่นกว่าเดิม นี่เป็น “Seoul Station” (ก่อนนครซอมบี้คลุ้มคลั่ง) หนังที่ถูกจัดได้ว่าเป็นภาคต้นของหนังดัง ‘Train to Busan’ ที่ทำออกมาในต้นแบบหนังเขย่าขวัญแอนิเมชั่นแบบอย่างสองมิติที่สนุกสนานมากเรื่องหนึ่ง
เกิดเรื่องราวของ ซุกคิว ที่มานะตามหา เฮชอน บุตรสาวของเขาที่หนีออกมาจากบ้าน ก่อนที่จะพบว่าคุณดำเนินงานเป็นโสเภณีอยู่รอบๆแกนกลางกรุงโซล เขาก็เลยบากบั่นที่จะปลอมตัวเป็นลูกค้าเพื่อได้เจอกับหน้าบุตรสาวอีกรอบ แม้กระนั้นในระหว่างนั้นก็ได้เกิดเหตุการณ์วุ่นวายขึ้นในสถานีรถไฟโซล ก่อนนรกซอมบี้คลั่ง จนกระทั่งทำให้ผู้คนแตกตื่นวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น
โดยต้นสายปลายเหตุก็มาจากชายระหกระเหินคนหนึ่งที่ได้ฟื้นขึ้นจากความตาย เปลี่ยนมาเป็นซอมบี้ แล้วก็เริ่มแพร่ระบาดจู่โจมผู้คนมากอย่างไม่เลือกหน้า ตอนที่ทางฝั่งของรัฐบาลตกลงใจที่จะปิดเมืองกันเป็นเขตแดนกักกัน และก็คอยจวบจนกระทั่งการแพร่ระบาดของเชื้อผีดิบร้ายนี้จะเลิกลง เมื่อเป็นแบบนั้น บิดาลูกก็เลยจำต้องมานะทำทุกวิธีเพื่อหนีตายรวมทั้งสังหารให้รอดพ้นจากเหล่ากองกองทัพซอมบี้หิวเหลือด
ท่ามกลางผู้คนที่คับคั่งและไม่แยแสชายจรจัดเค้าหน้าหยาบกระด้างที่มีเลือดไหลที่คอเจอที่ป้องกันภัยในสถานีโซลอันครึกครื้น ทุกคนไม่สนใจคนร่อนเร่พเนจรที่อ่อนล้าซึ่งดูท่าจะถูกกัดด้วยบางสิ่งเบาๆยอมแพ้ต่อรอยแผลแล้วก็ความตายเพียงแต่เพื่อกลับมาในฐานะศพที่เหม็นจู่โจมรวมทั้งแพร่ไปโรคร้ายของเขา
ตอนนี้กับเบื้องหลังของการระบาดของซอมบี้ทันทีทันใดคนรอดชีวิตที่โชคดีสามคนเป็นฮเยซุน โครงเรื่องแฟนชายหนุ่มของคุณกีอุงรวมทั้งบิดาที่ห่อเหี่ยวของคุณซุคกยูต่อสู้ฟันแล้วก็เล็บเพื่อกลับมารวมตัวกันอีกที แม้กระนั้นนี่เป็นเพียงแค่คืนแรกของการแพร่ระบาดที่ไม่คิดรวมทั้งความมุ่งหวังทั้งสิ้นดูเหมือนจะหมดสิ้น คนเดินตายเป็นตัวประหลาดตัวเดียวหรือเปล่า?
ก่อนนรกซอมบี้คลั่ง เต็มเรื่อง (2016)
“โซลสเตชั่น” เปิดขึ้นพร้อมทั้งชายจรจัดคนหนึ่งล้มลงที่สถานีที่มียศฐาบรรดาศักดิ์ ขณะที่ชาวกรุงเมินต่อชะตาชีวิตของเขา เรื่องราวก็กล่าวมาว่าเชื้อไวรัสรุนแรงได้เริ่มแพร่ระบาด ทำให้ผู้คนแปลงเป็นซอมบี้ที่มีความร้ายแรงและไม่ยับยั้ง เรื่องราวจำนวนมากติดตามเฮชอน หญิงสาวที่ตามหาแฟนชายหนุ่มที่หนีไป และก็บิดาของคุณ ซุกกยู ชายผู้ห้าวหาญและก็มุ่งมั่น ในเวลาที่เชื้อไวรัสแพร่ขยายไปทั้งเมือง นักแสดงต่างๆควรต้องท่องไปในโลกที่หมุนวนบนขอบของความอลหม่านตอนที่เจอหน้ากับการต่อสู้ส่วนตัวของพวกเขาเอง
บทวิเคราะห์สยองขวัญและก็สังคม: หัวใจสำคัญของภาพยนตร์หัวข้อนี้เป็น “Seoul Station” ไม่ใช่แค่ภาพยนตร์สยองขวัญแค่นั้น แต่ว่ายังเป็นบทวิเคราะห์เกี่ยวกับข้อความสำคัญทางด้านสังคม เป็นต้นว่า การไม่มีบ้าน การเช็ดกละเลย แล้วก็การแบ่งแยกระหว่างคนรวยกับคนขอบ การแสดงภาวะของชายจรจัดในตอนแรกเป็นเครื่องเตือนสติอย่างแจ่มแจ้งว่าสังคมมักเฉยเมยต่อคนที่ปรารถนาความให้การช่วยเหลือ เมื่อเชื้อไวรัสแพร่ขยายรวมทั้งกำเนิดความระส่ำระสาย การโต้ตอบของเมืองก็เผยโฉมปัญหาที่ฝังลึก
สไตล์แอนิเมชั่น: สไตล์แอนิเมชั่นของภาพยนตร์ผสมฉากในเมืองที่เหมือนจริงกับการออกแบบนักแสดงที่มีสไตล์ สร้างความต่างทางสายตาที่สะดุดตาระหว่างความธรรมดาแล้วก็ความน่าสยองขวัญ แสงสว่างนีออนของสถานีที่ส่องสว่างอย่างน่าสะพรึงกลัวตัดกับความมืดมนที่รุกคืบเข้ามาทำให้เกิดความรู้สึกกังวลใจอย่างชัดเจน อนิเมชั่นถ่ายภาพพลังงานอันคลั่งของซอมบี้ที่ติดเชื้อโรคได้อย่างมีคุณภาพ ก่อนนรกซอมบี้คลั่ง ในเวลาเดียวกันก็ทำให้นักแสดงมีความเป็นคนในเวลาที่บอบบาง
ความลึกของผู้แสดง: เอาใจใส่ในการพัฒนานักแสดงให้เหนือกว่าต้นแบบสยองขวัญทั่วๆไป ความข้องเกี่ยวที่เคร่งเคลียดของฮเยชอนรวมทั้งซุกกยูเป็นจุดโฟกัส เพิ่มระดับอารมณ์ที่เพิ่มการเสี่ยง การเดินทางของพวกเขามิได้เป็นเพียงแค่การต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดแค่นั้น แม้กระนั้นยังเป็นจังหวะสำหรับในการไถ่บาปแล้วก็กลับมาคืนดีกันอีกด้วย การเจริญเติบโตเฉพาะบุคคลของผู้แสดงพวกนี้ปฏิบัติหน้าที่เป็นสมอท่ามกลางความอลหม่าน
จังหวะและก็ความเครียด: ภาพยนตร์หัวข้อนี้สร้างความเครียดผ่านการเว้นจังหวะโดยตั้งใจ ความเคร่งเครียดมากขึ้นจากการไล่ล่าซอมบี้อย่างไม่ลดละแล้วก็การต่อสู้ของนักแสดงเพื่อค้นหาความปลอดภัย ในตอนที่คนรอดตายเขยื้อนผ่านถนนหนทางอันแออัดคับแคบของกรุงโซล ความรู้สึกของหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้นก็สัมผัสได้ ซึ่งนำมาซึ่งการก่อให้เกิดซีเควนซ์ที่กดดันหัวใจหลายฉากที่ทำให้ผู้ชมมีส่วนร่วม
บรรลุผลสำเร็จสำหรับในการสร้างความแข็งแกร่งในฐานะรายการที่สะดุดตาในจำพวกสยองขวัญ โดยเฉพาะในสื่อแอนิเมชัน การสำรวจหัวข้อด้านสังคมรวมทั้งการปฏิบัติการอย่างมีความสามารถได้รับเสียงวิภาควิจารณ์ชื่นชอบ ส่งผลให้เกิดการยินยอมรับในฐานะลัทธิคลาสสิกในกลุ่มผู้พอใจหนังสยองขวัญ
โดยสรุปแล้ว เป็นการผสมระหว่างความสยองขวัญและก็การวิพากษ์สังคมอย่างช่ำชอง โดยใช้การเล่าแบบแอนิเมชั่นเพื่อตรวจสอบมุมมองที่มืดมนของสังคมในเวลาเดียวกันก็เสนอเรื่องราวที่น่าสนใจจิตใจและก็เคร่งเคลียด ด้วยธีมที่กระตุ้นความนึกคิด นักแสดงที่มีการปรับปรุงอย่างยอดเยี่ยม omg666 แล้วก็แอนิเมชั่นที่เด่น ภาพยนตร์หัวข้อนี้เป็นสิ่งที่ใช้พิสูจน์ถึงสมรรถนะของภาพยนตร์แอนิเมชั่นสำหรับการจัดแจงกับเรื่องที่สลับซับซ้อนในระหว่างที่มอบประสบการณ์การรับดูภาพยนตร์ที่ยากจะเลือน
รีวิว ก่อนนรกซอมบี้คลั่ง
เมื่อจู่ๆคุณลุงจรจัดที่สถานีรถไฟโซลติดโรคและก็กระจายเชื้อไปทั่ว ซอมบี้ความเร็วสูงก็เลยแพร่ในเมืองและก็ออกก่อกวนอย่างเร็ว ในตอนเกิดเหตุ Hye-sun (Shim Eun-kyung) พลัดกับแฟนชายหนุ่ม Ki-woong (Lee Joon) ทำให้ Ki-woong กับบิดาของคุณ (Ryu Seong-ryong) จะต้องฝ่าฝูงซอมบี้ไปตามหาคุณ
คนที่ติดอกติดใจ Train to Busan บางทีอาจเดินเข้าไปมอง Seoul Station ด้วยความหวัง แต่ว่าขอเตือนว่า การคะเนหวังนั้นเป็นสิ่งที่ไม่สมควรทำอย่างมาก ด้วยเหตุว่าถึงแม้การ์ตูน Seoul Station จะขึ้นชื่อว่าเป็น prequel ของหนังใหญ่อย่าง Train to Busan แต่ว่าก็ห่างกันคนละระดับ… ประเภทหนังคนละม้วน… เสมือนญาติพี่น้องคนละบิดาคนละแม่
เรื่องราวของทั้งคู่เรื่องไม่มีอะไรตลอดหรือเกี่ยวข้องกันโดยตรง ผู้แสดงก็เรื่องคนใดเรื่องมัน ไม่มีนักแสดงไหนเชื่อมโยงหรือไปโผล่เป็นแขกรับเชิญของกันและกัน โลกของนักแสดงในการ์ตูน Seoul Station ค่อนข้างจะแคบกว่าพวกที่อยู่บนขบวนรถไฟไปปูซานใน Train to Busan เสียด้วยซ้ำ มิหนำซ้ำยังมองอ่อนแอกว่าอย่างไร้ความก้าวหน้า
จำนวนมากผู้แสดงหลักใน Seoul Station มีแม้กระนั้นวิ่งหนีรวมทั้งกลัว โดยยิ่งไปกว่านั้นนางเอกที่เป็นแม้กระนั้นวิ่งหนีและก็แอบสิ่งเดียวดุจตลอดชีพเกิดขึ้นมาเพื่อทำอยู่เท่านี้ ด้วยเหตุนั้นอย่าไปมุ่งหวังฉากบู๊หรือต่อสู้กับซอมบี้โหดเหี้ยมๆเยอะแยะอย่างแบบ Train to Busan หรืออย่างในหนัง การ์ตูน หรือเกม The Walking Dead
สิ่งที่ยังเช่นเดียวกับ Train to Busanเป็นการสะท้อนแล้วก็จิกกัดสังคมประเทศเกาหลีในหัวข้อชนชั้นในสังคมที่เกือบจะท้อแท้ โดยมุ่งจุดโฟกัสไปที่ฝูงชนตะลอนบ้านพักอยู่ใต้ชายคาสถานีรถไฟโซล รวมทั้งคนชั้นกึ่งกลางที่หาเช้ากินค่ำด้วยอาชีพที่ฮอตได้รับความนิยมของชาวเอเชียที่เข้าตาจน ก่อนนรกซอมบี้คลั่ง ยกตัวอย่างเช่น งานขายบริการ ฯลฯ
เชื้อไวรัสในประเด็นนี้ก็เลยบางทีอาจเป็นเครื่องหมายของ ความจนหรือความเน่าเหม็นเฟอะของระบบทุนนิยมที่กัดกินเนื้อมนุษย์ในทุกชนชั้นทางสังคม การวิ่งหนีซอมบี้ในหนังก็เลยบางทีอาจจะไม่ต่างจากการวิ่งหนีความอนาถา หนี้ หรือปัญหาความผิดพลาดด้านเศรษฐกิจการคลัง
ได้แก่ ฉากที่นักแสดงวิ่งหนีซอมบี้เข้าไปอยู่ภายในห้องขังหรือเรือนจำในส.น. ทำให้พวกเราระลึกถึงคนร่อนเร่ที่พากเพียรทำให้ตนเองเข้าไปนอนในเรือนจำ เพราะว่าอย่างต่ำในตารางก็มีที่กันลมกันฝนให้ร่วมเพศแล้วก็มีข้าวแดงแกงร้อนประทังชีพให้รอดพ้นไปอีกวัน
จากในหนัง พวกเราว่าหนังก็พากเพียรให้พวกเรามองเห็นปัญหากลุ่มนี้จากหลายๆด้าน ได้แก่ คนพเนจรถูกใจเมาสุราไปวันๆแล้วก็คือปัญหาสังคมที่เป็นภาระหน้าที่ของชาติ ทั้งเอารัดเอาเปรียบคนอื่น แม้กระนั้นในเวลาเดียวกัน พวกเราก็ได้มองเห็นกรรมวิธีการที่ชนชั้นสูงกว่าทำกับคนชั้นที่ต่ำกว่า (ได้แก่ ไล่เขาราวกับหมูเสมือนสุนัข) บ้างก็มองเห็นคนชั้นที่ต่ำกว่าทำกับคนชั้นที่สูงกว่า (ดังเช่น สอพลอนายจ้าง) เอาง่ายๆก็คือ การกระทำที่เกิดจากคนต่อผู้ที่อยู่คนละชั้นกับตน มัง
โดยรวม ถ้าเกิดไม่เอาไปเปรียบเทียบกับ Train to Busan ด้วยความมุ่งหวัง พวกเราว่า Seoul Station ก็มิได้ไม่ดี แม้กระนั้นพวกเราก็ติติงตรงที่ปูเรื่องนานกระทั่งแอบเบื่อ ฉากหนีหรือปะทะซอมบี้ก็มิได้แปลกใหม่หรือตื่นเต้นหวือหวา ช่วงท้ายที่ควรจะจุดสุดยอดก็กลับดร็อปลง ตอนที่ควรจะเซอร์ไพรส์ก็มิได้เซอร์ไพรส์อะไร ดูแล้วก็เพียงแค่งึมงำว่า “อ้าวหรอ…”
เรื่องราวของ ซุกคิว ชายผู้เพียรพยายามตามหา ฮเยชอน
บุตรสาวที่ล่องหนไปจากบ้าน ก่อนที่จะพบว่าคุณดำเนินการเป็นโสเภณีอยู่ในกรุงโซล ซุกคิวได้ตามมากระทั่งเจอกับ คิวุง แฟนชายหนุ่มผู้ไม่เอาถ่านของฮเยชอน แม้กระนั้นและก็ได้เกิดเหตุการณ์วุ่นวายขึ้นในสถานที่นีรถไฟโซล เมื่อเชื้อไวรัสปัญหาได้แพร่ระบาด เปลี่ยนแปลงผู้คนให้แปลงเป็นซอมบี้บ้า ออกอาระวาดไปทั่วทุกแห่งหน จนกระทั่งเพิ่มผู้ติดเชื้อโรคเป็นสองเท่า ก่อนที่จะเข้าจู่โจมผู้คนอย่างไม่เลือกหน้า
ในช่วงเวลาที่รัฐบาลได้กระทำการปิดเมือง ให้แปลงเป็นเขตกักกัน เพื่อคุ้มครองปกป้องการแพร่ระบาดไม่ให้ขยาย ทำให้ ซุกคิว กับ คิวุง ที่แยกกันกับฮเยชอน ต้องหาทางเอาชีวิตรอด เพื่อมาพบกัน และก็หนีตายจากเมืองทั่วเมืองที่เต็มไปด้วยฝูงซอมบี้หิวเหลือดสำหรับอนิเมชั่น SEOUL STATION นับเป็นอีกหนึ่งผลงานประสิทธิภาพของ ยอน ซัง โฮ ยอดเยี่ยมผู้กำกับแอนิเมชั่นสายดาร์ค
ผู้ขึ้นชื่อว่าสะดุดตาสำหรับในการเผยแพร่ด้านมืดของจิตใจมนุษย์ กล่าวถึงหัวข้อความแตกต่างด้านสังคม ที่เต็มไปด้วยความป่าเถื่อนด้านศีลธรรม ออกมาถ่ายทอดสู่หน้าจอหนังอย่างคมคายเป็นการเปิดเงื่อนเรื่องราว ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของหายนะซอมบี้คลุ้มคลั่ง ผ่านหญิงสาวคนหนึ่ง ที่จะพาคุณไปประจันหน้ากับเหตุตื่นเต้นที่เข้มข้นทุกนาที มันกำเนิดอะไรขึ้นกันแน่ ก่อนที่จะขบวนด่วนเมืองนรกจะเคลื่อนออกมาจากสถานีในกรุงโซล
หนังถูกผลิตออกมาในต้นแบบแอนิเมชั่นสองมิติที่มีกลิ่นความเป็นหนังอินดี้อยู่หน่อย แม้กระนั้นหนังเรื่องก็ยังคงได้ “ยอนซังโฮ” ผู้ผลิตหนังต้นฉบับมาสืบต่อเรื่องราวนี้อีกที ทั้งยังควบคุมและก็เขียนบทหนังเองทั้งหมดทั้งปวง โดยหนังวางโครงเอาไว้เป็นเพียงแต่หนังเล็กๆทุนต่ำ ด้วยเหตุว่าใช้ทุนสร้างประมาณ600 ล้านวอน ที่นับได้ว่าเป็นทุนที่มิได้สูงมากสักเท่าไรนัก
หนังเป็นการมาขยายความแล้วก็เชื่อมต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นใน Train to Busan หรือเอาง่ายๆก็คือหนังอยู่ในจักรวาลแล้วก็ไทม์ไลน์เดียวกันทั้งผอง ก็แค่เป็นมุมมองที่เล่าสถานะการณ์จากอีกผู้แสดงในระยะเวลาเกิดเหตุวันเดียวกัน หนังจัดว่าชื่นชอบนักวิพากษ์วิจารณ์แล้วก็ผู้ชมไม่น้อย แม้ว่าจะยังไม่ใช่ความสมบูรณ์ที่สุด แต่ว่าหนังก็ได้รับคำดูว่ามีเส้นเรื่องหลักแล้วก็รองที่ดำหม่นหมองและก็เชื่อมโยงกันได้อย่างดีเยี่ยม
หนังแอนิเมชั่นประเด็นนี้ถูกผลิตขึ้นมาก่อน โดยมีคอนเซ็ปคล้ายกันเป็น กำเนิดเชื้อไวรัสที่เปลี่ยนตัวให้เป็นซอมบี้บ้าออกก่อกวน โดยที่ผู้คนปกติทุกชนชั้นวรรณะจำต้องดิ้นรนหนีตาย เพียงแต่ว่าในประเด็นนี้จะมีตัวละครหลักเพียงแค่ 3 ตัว ในสถานที่ที่เป็นเมืองทั่วทั้งเมือง ไม่ใช่ในรถไฟ
เรื่องราวนับว่าเป็นคุณลักษณะเด่นของหนังหัวข้อนี้ ก่อนนรกซอมบี้คลั่ง เพราะว่ามันเล่าถึงการแบ่งชนชั้น การเหยียดคนพเนจรในประเทศเกาหลี รวมทั้งนักแสดงหลักในเรื่องก็ไม่ใช่คนดีมาจากไหน นางเอกเป็นผู้หญิงหากิน รวมทั้งนักแสดงอื่นๆก็นับว่าเป็นชนชั้นกรรมกรเลยก็ว่าได้ แม้กระนั้นไม่ว่าจะเป็นฐานะ หรืออาชีพไหน เมื่อเกิดเหตุการณ์วิกฤตขึ้น ต่างคนต่างก็รักตัวกลัวตายกันทั้งหมด..
หากได้มอง ที่นับว่าทำเอาไว้ได้ดิบได้ดีมากมายๆแล้ว ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยบางครั้งอาจจะมุ่งมาดกับหนังหัวข้อนี้สูง แต่ว่าต้องการให้ลบออกไปก่อน และก็เปิดใจรับสิ่งที่หนังมานะจะถ่ายทอดดียิ่งกว่า ความเพลิดเพลินอีกแบบที่ต่างไป ดราม่าดาร์คๆความระทึกในแบบหนังซอมบี้ก็ยังมีให้ลุ้นตลอด แม้กระนั้นบางครั้งอาจจะมิได้เทียบเพียงแค่นั้น.. แต่ว่าตอนสุดท้ายก็เล่นเอาหงายเงิบกันทั้งยังโรงนะ